วิธีการเผา (หุง) พลอย (Heat Treatment)

พลอยที่นิยมนำมาเผา (หุง) ได้แก่

1. ทับทิม เพื่อให้มีสีแดงเข้มขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่มีสีอมม่วง เมื่อเผาตัดสีม่วงแล้ว สีแดงจะสดขึ้น ขายได้กำไรมากขึ้น

2. บุษราคัม ส่วนใหญ่ในเมืองไทย จะเป็นสีเหลืองอมเขียว เมื่อเผาแล้ว สีเขียวจะลดลง สีเหลืองจะสดเข้มขึ้น ราคาก็แพงขึ้น ส่วนบุษราคัมศรีลังกา (ซีลอน) สีอ่อนจาง เมื่อเผาแล้ว จะเหลืองเข้มขึ้นด้วย

3. ไพลิน ส่วนใหญ่ในเมืองไทย จะมีสีน้ำเงินอมเขียว เมื่อเผาแล้ว สีเขียวจะจางหรือหายไป ทำให้สีน้ำเงินสดขึ้น ส่วนไพลินของซีลอนที่มีสีฟ้าจาง เมื่อเผาแล้ว ก็จะเข้มขึ้นเช่นกัน

4. พลอยเนื้ออ่อนชนิดต่าง ๆ (Semi-Precious Stone) เช่น เพทาย โทปาซ ซิทริน อเมทิสต์ ฯลฯ เมื่อเผาแล้ว สีจะเปลี่ยนไปเลย เพทายจะเปลี่ยนจาก สีน้ำตาล กลายเป็นสีขาวคล้ายเพชร หรือเพทายของเขมรเมื่อเผาแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า

อุปกรณ์สำคัญ ได้แก่

1. เตาเผาพลอย มีทั้งเตาไฟฟ้า ซึ่งมีราคาเป็นแสน เป็นล้าน และทันสมัยที่สุด, เตาน้ำมัน, เตาก๊าซ, เตาถ่านหิน หรือก่อเตาเอง ตามกำลังทรัพย์ และความถนัด แต่ในปัจจุบันนี้ นิยมใช้ เตาไฟฟ้า มากที่สุด เพราะได้รับความสะดวก ในการควบคุม ระดับความร้อนให้ สม่ำเสมอ (คงที่) ตามเวลาที่ต้องการ ได้แน่นอนกว่า เตาชนิดอื่น ๆ

2. เบ้าทนไฟ "เบ้า" มีรูปร่างคล้ายถ้วย มีฝาปิด ได้สนิท ทั้งเตาเผาและเบ้า ในปัจจุบัน มีจำหน่ายเป็น แบบสำเร็จรูป ซื้อมาใช้ได้เลย ไม่ต้องก่อเตาเอง หรือปั้นเบ้าให้เสียเวลา

กรรมวิธีในการเผาพลอย

1. ใส่พลอยที่ต้องการเผาลงไปในเบ้าแล้วปิดฝาให้สนิท ใช้น้ำยาเคลือบ เคลือบทับบริเวณฝาปิด เพื่อป้องกันความร้อนรั่วออกมา

2. ใส่เบ้าพลอย ลงในเตาเผา

3. ให้ความร้อน ซึ่งระดับความร้อนอาจสูงต่ำ แตกต่างกันไปแล้วแต่ ขนาด ชนิด ที่มา (แหล่ง) ของพลอยเหล่านั้น และจุดประสงค์ที่ต้องการ เช่น ต้องการ ให้สีเข้มขึ้น หรืออ่อนลง ระดับความร้อนที่ใช้ ก็ตั้งแต่ 1,000-2,000 องศาเซลเซียส ตามเทคนิค และประสบการณ์ ของผู้เผาเป็นสำคัญ ถ้าระดับความร้อนสูงเกินไป ก็อาจแตกร้าว หรือละลายไปเลยก็ได้

4. ระยะเวลาในการเผา ภายในเตาเผาพลอย จะต้องได้รับความร้อนอย่างสม่ำเสมอ ตลอดเวลาการเผา การเผาพลอยบางชนิด อาจใช้เวลาแค่ 6-10 ชั่วโมง แต่บางชนิดอาจใช้เวลาเผาถึง 4-5 วันก็ได้ และระดับความร้อนต้องคงที่ ตลอดเวลาการเผา ดังนั้นจึงต้องหาทางป้องกันไฟฟ้าดับ ระหว่างการเผาไว้ด้วย หรือป้องกันระดับความรัอนไม่คงที่ ซึ่งอาจเกิดจากเตาถ่านหิน หรือเตาอื่น ๆ

5. ปล่อยให้เตาเผาและเบ้าเย็นสนิทก่อน ค่อยเปิดเบ้าออก เพราะอุณหภูมิที่ต่างกันมาก ระหว่างภายในเตาเผา กับอากาศภายนอก อาจมีผลกระทบกับพลอยเหล่านั้นได้
การเผาพลอย ถือเป็นศาสตร์ที่เสี่ยง กับการได้เสียตลอดเวลา อาจหมดตัวหรือร่ำรวยได้รวดเร็ว

สำหรับพลอยที่ผ่านการเผาด้วยความร้อนนั้น สีและคุณสมบัติ ความสวยงาม จะคงอยู่ตลอดไป ถ้าไม่นำไปเผาอีก (ผ่านการทดสอบแล้ว) สามารถนำไปทำเครื่องประดับ ที่มีคุณค่า และเป็นที่ยอมรับทั่วโลก จึงไม่เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจต่อผู้ซื้อแต่อย่างใด

(จากหนังสือศรีสรรพ์อัญมณี)